พระแม่ลักษมีก็ช่วยไม่ได้ถ้าเงื่อนไขของการตกหลุมรักสัมพันธ์กับเมือง
“เพราะเราไม่มีเวลามากพอให้สบตากันเพื่อตกหลุมรัก” ทุกคนคิดว่าประโยคนี้คือเรื่องจริงไหม ?
.
หากเรามองชีวิตของใครหลาย ๆ คน เราก็จะพบว่า การดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละวันนั้นต้องแข่งกับเวลา ทั้งเวลาทำงาน เวลากิน เวลานอนหรือแม้แต่เวลาการเดินทางที่เราต้องเสียไปหลายชั่วโมงเพื่อให้ทันกับการใช้ชีวิตเป็นแรงงานขับเคลื่อนประเทศ จนทำให้เราไม่มีเวลาที่จะเดินให้ช้าลงสักนิด ซึ่งนั่นอาจทำให้เราได้มีโอกาสสบตาและตกหลุมรักใครสักคนก็ได้
.
หรือหากทุกคนอยากจะมีความรักในประเทศนี้แค่คิดว่าจะต้องมีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเก็บ มีรถ มีบ้าน หรือมีโอกาสไปเดตหรือไปทำกิจกรรมร่วมกันก็ยากแล้ว เพราะหากมาดูเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำตอนนี้มันก็ดูสวนทางกับค่าครองชีพมากพอสมควร แถมพื้นที่ที่จะทำให้เราได้มาพบปะกันก็ค่อนข้างน้อย
.
จนนำมาสู่การตั้งคำถามว่า การที่เราไม่ตกหลุมรักใครหรือไม่สมหวังในความรักสักทีอาจเป็นเพราะโครงสร้างเมืองและโครงสร้างทางสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำที่ไม่เอื้อให้เราเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้สมหวังในความรัก
.
ซึ่งหากเราพูดแบบนี้ทุกคนอาจจะคิดว่าเราโทษเมืองหรือเปล่า ? โครงสร้างเมืองจะมาเกี่ยวอะไรกับการที่คนไม่สมหวังในความรัก เราขอชวนทุกมาหาคำตอบว่าปัญหาเมืองส่งผลต่อความรักจริงไหม ? ในบทความคิดด้วยพลเมือง ตอน “หากถูกเลือกให้เป็นแค่คนปวดหลังก็ขอเป็นคนที่ถูกเลือกให้สมหวังในความรักสักครั้งบ้างได้ไหม ?”
อ่านบทความคิดด้วยพลเมืองได้ที่ : https://www.naewna.com/politic/columnist/57165
เรื่องโดย : กาญจนา มะลิงาม
ภาพประกอบ : Khana Research Curator